ปฏิญญามานิลา
Conference of Lawyers in the Asia Pacific V
(COLAP-V)
9-19-10
ในการประชุมครั้งที่ 5 ของเครือข่ายนักกฎหมายในเอเชียแปซิฟิค (COLAP V) ที่มานิลา ฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 18-19, 2010 ภายใต้หัวข้อ “สิทธิมนุษยชนและสันติภาพท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและความขัดแย้งในโลก” มีนักกฎหมายกว่า 250 คน จาก 23 ประเทศเข้าร่วม ส่วนใหญ่มาจากภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ปะปนกับแขกจากทั่วโลก เพื่อถกกันถึงปัญหาร่วมที่นักกฎหมายในภูมิภาคนี้กำลังประสบอยู่ และเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ
COLAP เป็นการรวมกลุ่มของนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และได้รับการสนับสนุนจาก International Association of Democratic Lawyers (IADL) ปีนี้ National Union of People’s Lawyers (NUPL) of the Philippines เป็นผู้จัดการประชุม ในช่วงเวลาสองวันนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และข้อเสนอสำหรับกิจกรรมและความร่วมมือในอนาคต
ที่ประชุมย้ำว่า สิทธิมนุษยชนจะต้องเป็นกฎสากล แบ่งแยกไม่ได้ และสูงสุด
เหนือกว่านั้น ยังย้ำว่า ความขัดแย้งและสงครามจะยังคงคุกคามภูมิภาคนี้ต่อไป จนกว่า (ประชาชน) จะได้มาซึ่งสิทธิมนุษยชน ทั้งเชิงการเมืองและดเศรษฐกิจ วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ขัดขวางและทวนกระแสความก้าวหน้าสู่เป้าหมาย ได้ทำให้คนนับล้านยากจนลง กระจายโรคภัยและความหิวโหย เพิ่มแนวโน้มของความขัดแย้งและการลุกฮือทางการเมือง ผู้เข้าร่วมประชุมทำงานกันอย่างหนักในการคิดค้นยุทธวิธีเพื่อนำไปสู่ความตระหนักแจ้งในสิทธิมนุษยชน ในขณะเดียวกันก็ตอกย้ำถึงความผิดกฎหมายของการก่อสงคราม และการกระทำอื่นๆ ที่ละเมิดสิทธิ์ของประชาชนและอธิปไตยส่วนบุคคล
สันติภาพ
ที่ประชุมย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนานของลัทธิอาณานิคมและลัทธิอาณานิคมใหม่ (colonialism and neo-colonialism) ในภูมิภาคนี้ สงครามที่รุกรานเวียดนามและเกาหลี และการรุกรานที่ยังดำเนินอยู่ในอิรัค อาฟกานิสถาน และที่อื่นๆ ที่ประชุมได้เรียกร้องให้ถอนกำลังต่างด้าวจากภูมิภาคทันที ประชาชนในภูมิภาคนี้ จะต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อันเป็นหนทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันต่อไป ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดำรงชีวิตอยู่อย่างสันติสุข ดังที่ได้มีการรับรองไว้ในมาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญแห่งประเทศญี่ปุ่น ในรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรของ คอสตา ริกา และในกฎบัตรสหประชาชาติ ทางเดียวที่จะทำให้สันติภาพเกิดขึ้นทั่วหน้า ต้องมาจากการทำงานของประชาชนและนักกฎหมายของพวกเขา
ที่ประชุมขอเรียกร้องให้ถอนฐานกำลังต่างด้าวและรูปแบบใดๆ ที่นำไปสู่อาชญากรรมการคุกคามและที่ไม่สอดคล้องกับนิติรัฐและละเมิดสิทธิ์ของการอยู่อย่างสันติ ที่ประชุมเจาะจงในประเด็นที่สหรัฐฯ ขโมยผืนที่ดินที่ดีที่สุดของโอกินาวา และบังคับให้ประชากรตกอยู่ในสภาพเหยื่อและทาสของกองกำลังทหาร ที่ประชุมขอเรียกร้องให้สร้างเขตปลอดนิวเคลียร์ ในภูมิภาค อันเป็นก้าวหนึ่งสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด ทุกๆ ประเทศจะต้องส่งเสริมสันติศึกษาแก่ประชาชนให้ทั่วหน้า พวกเราขอประณามสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรที่สร้างอุปสรรคและแผนการต่างๆ เพื่อลงโทษคนที่พวกเขาสงสัยว่าเป็นผู้นำขับเคลื่อนการต่อต้าน หรือบังคับให้พวกเขาสมยอม ในขณะที่เพิกเฉยต่อรากเหง้าของปัญหาที่นำไปสู่ความขัดแย้งถึงขั้นจับอาวุธขึ้นสู้ คำเรียก “สงครามปราบปรามผู้ก่อการร้าย” ได้บ่อนทำลายการเจรจาต่อรองเพื่อสันติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฟิลิปปินส์ ด้วยการทำรายชื่อบัญชีผู้ก่อการร้าย พวกเราขอเรียกร้องให้ภาคีต่างๆ ที่จับอาวุธสู้ ให้กลับคืนสู่การเจรจาเพื่อหาทางออกที่มีประสิทธิภาพสำหรับฐานสังคมและเศรษฐกิจของตน
สิทธิพลเมืองและการเมือง
มาตรการปกป้องที่รับรองโดยสิทธิพลเมืองและการเมือง จะต้องบังคับใช้ได้กับเหยื่อและผู้ละเมิดอย่างเท่าเทียมกัน การหันเหใดๆ จากความรับผิดชอบนี้ จะเป็นภัยแก่ตัวเอง นำไปสู่การกดขี่ข่มเหงหนักขึ้น และในที่สุดก็สูญเสียสิทธิเหล่านั้น
บ่อยครั้ง ในภูมิภาคนี้ สิทธิประชาธิปไตยถูกผูกติดกับการต้องยอมรับระบบตลาดเสรี การค้าเสรี และโลกาภิวัตน์ การบังคับให้ประชาชนยอมรับเช่นนี้ เป็นการละเมิดความประสงค์ร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นการปฏิเสธสิทธิพื้นฐานของประชาธิปไตย และบ่อยครั้ง มีผลให้ประชาชนยากจนลง
ความมั่นคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ด้วยการลงโทษผู้แสดงออกอย่างถูกฎหมายว่าไม่เห็นพ้องต้องกันกับกระแสหลัก ด้วยข้อหาว่าทำผิดฐานก่ออาชญากรรม และด้วยการจัดประเภทการกระทำอาชญากรรมธรรมดา ๆ ไม่ว่าจะชั่วร้ายเพียงไร ว่าเป็นการก่อสงครามหรือก่อการร้ายที่คุกคามความมั่นคงของภาครัฐ การคุกคามขู่เข็ญที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือ การยอมให้รัฐบาลเล็งเป้าไปที่คู่อริทางการเมือง ภายใต้ข้ออ้างว่าต่อสู้กับขบวนการก่อการร้าย
การสงวนรักษาสิทธิเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับความสามารถของนักกฎหมายในการปกป้อง และความมุ่งมั่นของกระบวนยุติธรรมในการให้ความคุ้มครอง พวกเราขอปรบมือให้กับชัยชนะของเพื่อนปากีสถานที่ต่อสู้ป้องกันกระบวนศาลยุติธรรมจากเงื้อมมือทรราชย์มูชาร์ราฟ ที่ต้องการจะบงการศาลให้ได้ตามอำเภอใจ พวกเราขอแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเพื่อนของเราในฟิลิปปินส์ และที่อื่นๆ ผู้ต้องเผชิญหน้ากับการจองจำ การลอบสังหาร และการข่มขู่ต่างๆ แต่ก็ยังยืนหยัดปกป้องนิติรัฐและสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน
ที่ประชุมเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องยุติการให้เอกสิทธิ์ที่ยกเว้นการลงโทษผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และผู้สนับสนุนความพยายามดังกล่าว เพื่อเป็นหลักประกันว่า รัฐบาลและบุคคลที่รับผิดชอบการกระทำดังกล่าว จะต้องถูกไต่สวนได้ ในฐานะที่เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์นี้ และต่อสู้กับการละเมิอสิทธิมนุษยชนทุกหัวระแหงในเอเชียแปซิฟิค ที่ประชุมสัญญาว่าจะสร้างคณะกรรมการและศาลสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาค
การกักขังที่ขาดความเป็นธรรม การทรมาน และการปฏิเสธใช้กระบวนการตามกฎหมาย อย่างที่ โมรอง (อายุ 43) ต้องทนทุกข์ทรมาน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้
สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
วิกฤตการเงินโลกได้สร้างความทุกข์ยากหนักหน่วงแก่ประชาชนในภูมิภาคนี้ คนต้องตกอยู่ในภาวะยากจนมากขึ้น 660 ล้านคนไม่ถูกว่าจ้าง และ 152 ล้านคน เลี้ยงชีพด้วยเงินน้อยกว่า 1 ดอลลาร์ต่อวัน ภาวะนี้ ได้บีบบังคับให้คนนับล้าน ต้องพลัดบ้านถิ่นเกิด และต้องทนต่อการกดขี่และขูดรีดในฐานะคนย้ายถิ่น ในขณะเดียวกัน ก็มีเด็กที่เสียชีวิตก่อนถึงวัย 5 ขวบ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นดัชนีหนึ่งที่เผยถึงความทุกข์ยากที่เพิ่มมากขึ้น วิกฤตครั้งนี้ ได้กลายเป็นหายนะสำหรับกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดในสังคม รวมทั้งคนงานย้ายถิ่น ผู้หญิง คนกลุ่มน้อย เด็ก และคนงานรุ่นเยาว์
รัฐบาลต่างๆ ล้วนประสบความล้มเหลวในหน้าที่ปกป้องสวัสดิการของประชาชน ทั้งๆ ที่รัฐมีข้อพันธสัญญาต่อข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ จึงเป็นหน้าที่ของนักกฎหมายทั้งปวง ที่จะต้องรับรู้ถึงพันธกิจที่รัฐได้ให้สัญญาไว้ภายใต้กลไกอนุสัญญาต่างๆ และต้องต่อสู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผู้ที่เรารับใช้ จะต้องรู้ด้วยว่า รัฐบาลจะต้องมีมาตรการพิเศษเพื่อยกมาตรฐานการครองชีพให้พอสมควรแก่ประชาชนทั้งหมด รวมทั้งคุ้มครองสิทธิในการทำงานด้วยค่าแรงที่เป็นธรรม มีที่อยู่อาศัย การศึกษา และการดูแลสุขภาพ กรอบสิทธิมนุษยชน เป็นเครื่องมือที่ทรงอำนาจในมือของประชาชนที่รู้และเข้าใจมัน
การศึกษา
ที่ประชุมได้ระบุถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการให้การศึกษาและฝึกอบรมด้านสิทธิมนุษยชน นักกฎหมายมีความรับผิดชอบให้ความร่วมมือในการรณรงค์สิทธิมนุษยชนและให้การศึกษาชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาต้องเพิ่มความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนสากล และกลไกกฎหมายมนุษยธรรม การประยุกต์ใช้ในประเทศ และกลไกระหว่างประเทศในการบังคับใช้ นักกฎหมายมีหน้าที่ในการให้การศึกษาแก่ผู้พิพากษาและให้ข้อมูลแก่ประชาชน
โรงเรียนกฎหมายจะต้องมีหลักสูตรที่กว้างขวาง ที่ชักชวนให้นักศึกษามีความคิดวิพากษ์เกี่ยวกับวิวัฒนาการเชิงประวัติศาสตร์ของกฎหมายและความรับผิดชอบทางจริยธรรมทางกฎหมายในการปกป้องสิทธิ์พลเมือง โรงเรียนจึงต้องเติมเรื่องการจัดการศึกษาและอบรมในสาระ วัตถุประสงค์และการประยุกต์ใช้หลักการสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรม ตลอดจนหน้าที่ของนักกฎหมายในการส่งเสริมความเป็นธรรมในสังคม และต่อต้านการกดขี่ข่มเหง แต่นักกฎหมายก็ไม่สามารถเก็บความรู้นี้ไว้กับตัวเอง พวกเขามีหน้าที่เผยแพร่ความรู้นี้แก่บรรดาคนที่ถูกกระทบในวิกฤตปัจจุบัน
กลไกระหว่างประเทศที่บังคับใช้สิทธิมนุษยชน
จะต้องมีกลไกบังคับใช้เพื่อสร้างหลักประกันของการใช้สิทธิมนุษยชนและกฎหมายอื่นๆ ที่มีอยู่ อันนี้รวมถึงการรายงานต่อคณะกรรมการสนธิสัญญาต่างๆ ของสหประชาชาติ และช่วยภาคประชาสังคมให้มีส่วนร่วมใน Human Rights’ Council’s Universal Periodic Reviews (การทบทวนสากลเป็นระยะๆ ของสภาสิทธิมนุษยชน) ที่ประชุมเรียกร้องให้ IADL จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษากลไกระหว่างประเทศทั้งหมด เพื่อบังคับใช้สิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รวมถึงข้ออ้างที่อยู่ภายใต้ตุลาการสากล IADL ควรจะทำงานเป็นพิเศษร่วมกับ NUPL เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับพวกที่รับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฟิลิปปินส์
การต่อสู้กับคอรัปชั่น
คอรัปชั่นสาธารณะส่งผลกระทบต่อทุกๆ ด้านของรัฐบาลและการบริหารความยุติธรรม และกัดเซาะสถาบันประชาธิปไตย มันเป็นอาชญากรรมที่ทำร้ายประชาชน ข้าราชการที่โกงกินจะต้องถูกไต่สวน รวมทั้งพวกที่ติดสินบนหรือไม่ยอมรายงานการโกงกิน ที่ประชุมขอเรียกร้องให้มีกฎหมายและศาลระว่างประเทศมีบทบาทเกี่ยวกับเรื่องการโกงกินโดยผู้นำประเทศ และบรรษัทข้ามชาติ
การปกป้องสิ่งแวดล้อม
การมีสิ่งแวล้อมที่อุดมสมบูรณ์และระบบนิเวศที่สมดุล เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้สิทธิมนุษยชนอื่นๆ มีความหมาย ดังนั้น เราจะต้องทำให้แน่ใจว่า การทำลายสิ่งแวดล้อมโดยรัฐบาล ธุรกิจ และบรรษัทยักษ์ ไม่พึงได้รับอนุญาต ภาวะอากาศผันผวนที่เป็นอันตรายต่อโลก และเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ทำลายล้างปากีสถานอย่างหนัก จะต้องได้รับการแก้ไข จะต้องมีกลไกระหว่างประเทศ รวมทั้งกฎหมายในประเทศที่มีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ในขณะที่สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องห่วงใยระหว่างประเทศ การมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น เป็นเรื่องสำคัญยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีมาตรการป้องกันเกิดขึ้นในขณะดำเนินการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ เราจะต้องคิดในระดับโลกควบคู่ไปกับปฏิบัติการในระดับท้องถิ่น นักกิจกรรมและผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อมจะต้องป้องกันตัวจากการถูกดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม และจะต้องประณามการฟ้องร้องที่มุ่งปิดปากพวกเขา
การเป็นนักกฎหมายประชาชน
ผู้เข้าร่วมประชุมสัญญาว่าจะยึดมั่นในหลักการ “นักกฎหมายประชาชน” (“people’s lawyering”) นักกฎหมายของประชาชนได้รับมอบอำนาจจากการดิ้นรนต่อสู้ของประชาชนเพื่อความยุติธรรมที่ไม่ได้รับจากรัฐบาล ไม่ได้รับจากกฎหมาย และแน่นอน ไม่ได้รับจากวาระความเห็นแก่ตัวเชิงวัตถุใดๆ แรงดลใจของพวกเขามาจากแรงปรารถนาที่จะยุติความอยุติธรรมที่กดทับประชาชน อันเกี่ยวเนื่องกับความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจและสังคม ความผูกพันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจึงเป็นปัจจัยสำคัญของการเป็นนักกฎหมายประชาชน นั่นคือ นักกฎหมายประชาชนมีส่วนร่วมพัวพันในเรื่องที่กระทบต่อภาคส่วนหนึ่งๆ ของสังคม หรือสังคมทั้งหมดโดยรวมถึงระดับรากฐาน
ศึกครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่โรงศาล นักกฎหมายประชาชนใช้รูปแบบสร้างสรรค์ในการปฏิบัติการ ขับเคลื่อน โดยอาศัยจุดแข็งของประชาชน ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวและความเข้มแข็ง การตีแผ่ประเด็นปัญหาสู่สาธารณชน ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาจัดรูปองค์กรและปลุกความตื่นตัวทางสังคมของผู้ที่เขารับใช้ และผู้ที่จะร่วมสนับสนุน
นักกฎหมายประชาชน ตั้งอยู่บนความเข้าใจที่มีการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรากเหง้าของปัญหาสังคม และมีความยินยอมที่จะอุทิศทักษะและความสามรถในการให้บริการและเสริมสร้างอำนาจแก่ประชาชน
สรุป
แนวคิดที่ว่า สิทธิมนุษยชนไม่สามารถแบ่งแยกได้ เป็นเพียงหลักการนามธรรม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้สิทธิ์บางอย่าง โดยไม่ต้องได้สิทธิ์ทั้งหมด คนที่ไม่มีอาหารกินพอ ไม่สามารถจะใช้สิทธิทางการเมืองของตนได้อย่างมีความหมาย คนจะไม่สามารถชื่นชมกับความเสมอภาคทางกฎหมายหากไม่มีช่องทางฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีป้องกันตัวเอง
ในฐานะนักกฎหมาย เราจะต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อแปรเปลี่ยนอาชีพนี้และสังคม เราเลือกที่จะรับใช้ประชาชน และเราตั้งปณิธานว่าจะนำผู้อื่นให้ทำเช่นเดียวกัน เราขอสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของเพื่อนร่วมอาชีพ ผู้พิพากษา โรมีโอ คาปูลอง ว่า การเป็นนักกฎหมายของประชาชนเป็น “หนทางที่ล้ำค่าสู่การสนองตอบความหมายชีวิตของตนเอง และเป็นผลงานที่มีค่า” ไม่มีนักกฎหมายคนไหน—และไม่มีมนุษย์คนไหน--จะสามารถขอได้มากกว่านี้จากชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น