วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

รอยเท้าหญิงไทย 1974-2007

ปฏิทินความก้าวหน้าของสถานภาพหญิงไทยในรอบ ๔๐ ปี
พ.ศ. 2517-2550 (1974-2007)

พ.ศ.
ความก้าวหน้าของสถานภาพหญิงไทย
2517 
รัฐธรรมนูญพ.ศ.2517 “ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน" (มาตรา 28) และ มีเวลา 2 ปีในการทบทวนกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (มาตรา 23) แต่มาตรานี้ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อมีการปฏิวัติรัฐประหารในปี 2519
2519
รศ.วิมลศิริ ชำนาญเวช  (ทบวงมหาวิทยาลัย) และ คุณหญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ (กระทรวงคมนาคม) ได้รับแต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรี
2522
มีแผนพัฒนาสตรี ระยะยาวฉบับแรก (2522-2544) จัดทำโดยคณะทำงานในคณะอนุกรรมการพัฒนาบทบาทและสถานภาพสตรี
2528
ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญา CEDAW โดยมีข้อสงวน 7 ข้อ
2532
สำนักงาน กสส สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
2533
ประเทศไทยยกเลิกข้อสงวนในอนุสัญญา CEDAW 2 ข้อ
2534 
มติ ครม: เปิดโอกาสให้สตรีสามารถดำรงตำแหน่งได้ทุก ตำแหน่ง ยกเว้นตำแหน่งที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ 
• ข้าราชการหญิงมีสิทธิลาคลอดเพิ่มจาก 60 วัน เป็น 90 วัน (30 วันเป็นการลาคลอดที่ต้องลาเพิ่มเติมจากวันลากิจ)
2535
มติ ครม: ให้ ปี 2535 เป็น ปีสตรีไทย
ประเทศไทยยกเลิกข้อสงวนในอนุสัญญา CEDAW อีก 1 ข้อ
เป็นครั้งแรกที่รัฐบาล (สมัยนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย) มีนโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี การขัดหาโสเภณีเด็ก และการเปิดโอกาสให้สตรีสามารถประกอบอาชีพได้เท่าเทียมกับชาย
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ได้เป็นผู้ประสานงานการเตรียมการประชุมระดับ โลกว่าด้วยเรื่องสตรี (ภาคองค์กรเอกชน) ของภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิก
2536
คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ได้เป็นประธานการจัดประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี (ภาคองค์กรเอกชน)  
มติ ครม: ยกเลิกข้อห้ามการแต่งตั้งสตรีเป็นปลัดอำเภอ 
            คนงานหญิงในภาคเอกชน มีสิทธิลาคลอด 90 วัน (จ่าย 45 วันจากกองทุนประกันสังคม อีก 45 วันจากนายจ้าง)
2538
รัฐธรรมนูญ (ฉบับที่5)พ.ศ.2538 เพิ่ม “ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ไม่มีบทเฉพาะกาลให้แก้ไขกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
ประเทศไทยยกเลิกข้อสงวนในอนุสัญญา CEDAW เพิ่มอีก 2 ข้อ
• แต่งตั้งพนักงานสอบสวนหญิงขึ้นเป็นครั้งแรกจำนวน 15 คน
ประเทศไทยร่วมรับรองปฏิญญาปักกิ่ง
2539
มติ ครม: นโยบายและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศ
พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2538 หลังจากที่มีการพยายามเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวกว่า10 ปี (คุ้มครองผู้ค้าประเวณี เพิ่มโทษผู้เกี่ยวข้องในการนำเด็กเข้าสู่กระบวนการค้าธุรกิจทางเพศ และผู้ใช้บริการ)
ประเทศไทยร่วมรับรองปฏิญญาต่อต้านการค้าประเวณีเด็ก
มติ ครม: ห้ามสถาบันการศึกษาจำกัดจำนวนรับชาย-หญิงในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
2540
·     รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 “…ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน และห้ามการเลือกปฏิบัติ...” (มาตรา 30) และ “…รัฐต้องส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย…” (มาตรา 80)
·     มติ ครม: ยกฐานะสำนักงานกสส เป็นกรม
·     พรบ มาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็กที่ขยายการคุ้มครองไปถึงเด็กชายด้วย
2542
·     กระบวนการสอบปากคำและการสอบพยานเด็กมีวิธีการที่คำนึงถึงสภาพจิตใจเด็กที่ถูกกระทำรุนแรงมากขึ้น ตามพรบ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 20 ) พ.ศ. 2542
2543
·     ระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย คกก สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้มีผู้หญิงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
2544
·     มติ ครม: ผู้บริหารด้านการเสริมสร้างบทบาทหญิงชายยกระดับเป็นกระทรวง ทบวง กรม และให้มีศูนย์ประสานงานด้านความเสมอภาคหญิงชาย
·     ระเบียบ คกก กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ  “… คกก กองทุน จำนวนไม่น้อยกว่า 9 คนแต่ไม่เกินสิบห้าคน ประกอบด้วยกรรมการทั้งชายและหญิง ในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน …” และให้ใช้คำว่าผู้แทนครัวเรือนแทน หัวหน้าครัวเรือน
·     สำนักงาน คกก ข้าราชการพลเรือนมีหนังสือให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามแนวทางการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงชายของ สำนักงาน ก.พ.
2545
·     ปฏิรูประบบราชการ  กสส รวมกับกรมประชาสงเคราะห์และกรมการพัฒนาชุมชน และยกฐานะเป็นหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
2546
·     หญิงสามารถเลือกใช้นามสกุลของตนเองหรือสามีได้
2550
·     กฎหมายว่าด้วยความรุนแรงในครอบครัว  การข่มขืน และคำนำหน้านาม ได้ผ่าน สมัขขานิติบัญญัติแห่งชาติ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น