วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตรึกคิด งานฉลอง 100 ปี วันสตรีสากล (6-8 มีค. 2011)

3-8-11 วันสตรีสากลที่ 100  ก็ผ่านไปด้วยการเดินขบวนตามประเพณี  ส่วนระบบ 3/8 ก็ต้องต่อสู้กันต่อไป  เพียงแต่ไม่จำกัดที่แรงงานในโรงงาน  คำถามคือ มนุษย์เรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิง ทำงานเพื่ออะไร?
                ในยุคไฮเทค คนมีโอกาสหลายคนกลายเป็น workaholic จนลืมดูแลสุขภาวะทั้งทางกาย จิตใจ จิตวิญญาณของตัวเอง หรือไม่มีเวลากับครอบครัว ดูแลความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ และธรรมชาติ  ในภาวะเช่นนี้ คนมีโอกาส ก็ถูกคุกคามไม่น้อยไปกว่าคนด้อยโอกาส  ต่างกันเพืยงที่ คนด้อยโอกาส ทำเท่าไร ก็ไม่พอกิน  หากยังติดในวัตถุ / บริโภคนิยม
ในด้านหนึ่ง ความไม่รู้จักพอ เป็นเชื้อของความรุนแรงและการเบียดเบียนจากในสู่นอก  อีกด้านหนึ่ง คือ ความไม่เป็นธรรมในสังคม
                คนรวย แม้มีเงินซื้อที่ดินมากมายเป็นกรรมสิทธิ์ แต่ก็ได้ถอนรากตัวเอง ไม่สามารถเป็นชาวนา ติดดิน  ส่วนชาวไร่ชาวนาที่ ติดดิน ก็มักจะด้อยโอกาส เมื่อเทียบกับชาวเมือง...ในที่สุด ก็กำลังถูกถอนรากเช่นกัน   เมืองที่เจริญรุ่งเรือง กำลังจู่โจมคุกคามชนบท ที่ล้าหลัง มากยิ่งขึ้น   ในภาวะวิกฤตโลกร้อน  มาตรการแก้ไข เช่น คาร์บอนเครดิต กลับถูกบิดเบือน แปลงทรัพย์สินให้เป็นทุน กลายเป็นเครื่องมือ (ผู้บริหารบรรษัทข้ามชาติและผู้บริหารในภาครัฐร่วมกันใช้กลไกอำนาจรัฐ) ลงโทษ หรือสร้างความชอบธรรม ในการเบียดขับชาวบ้านหญิง ชาย เด็ก คนชรา พิการ...ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่า กลุ่มชาติพันธุ์--ที่เคยอยู่อาศัย เคียงคู่ร่วมกับป่า เพียงเพราะพวกเขาไม่เคยลงทะเบียน เพราะ รัฐ เข้าไม่ถึงพวกเขาในอดีต
                ในนามของ ความมั่นคงของมนุษย์ ความมั่นคงของอาหาร และ ความมั่นคง...ทุกๆ อย่าง ได้กลายเป็นวาทกรรมที่สร้างความชอบธรรม เพื่อลิดรอนสิทธิ์ของคนตัวเล็กตัวน้อย ที่ได้ถูกรับรองด้วยวาทกรรมของ สิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน หรือ อธิปไตยทางอาหาร ฯลฯ  ทั้งสองวาทกรรมรับรองโดยสหประชาชาติ
                สังคมเมืองติดหล่มไฮเทค ที่หิวพลัง มักง่าย เพื่อให้เกิดไฟฟ้าขับเคลื่อนตั้งแต่เครื่องจักร ... จนถึงแอร์และหม้อหุงข้าว  วัดถูกแทนที่ด้วยมหกรรมช๊อปปิ้งสวรรค์นักบริโภคที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะผลิตโดยเครื่องจักรที่ไร้มนุษยธรรม ไร้จิตวิญญาณ แต่ประสิทธิภาพสูง ด้วยเหตุนี้ เม็ดเงินจึงกลายเป็นเทพเจ้าสูงสุด และความหลงงมงายจึงไม่เจือจางไปจากสังคมไทย  แรงงานของคนทำงานส่วนใหญ่ ก็ยังคงเป็นเพียงเชื้อเพลิงให้เครื่องจักรเดินต่อไปได้ ตลอดเวลา
                ชาวเมืองจึงมีความสะดวกสบายในการบริโภค มีแต่สินค้าสำเร็จรูป อาหารจานด่วน ฯลฯ ที่สร้างขยะมหาศาลและความหิวโหยทางจิตวิญญาณ

                100 ปี สตรีสากล สังคมกำลังมุ่งหน้าไปทิศไหน?

                เสียงเพลงและดนตรี หญิงกล้า ที่ดังกระหึ่มต้อนรับนายกฯ เมื่อออกจากลิฟต์ (6 มีค.) ยังกระหึ่มในหู
                แต่พวกเราเหล่าผู้หญิงยังเชื่อคำร้องในบทเพลงนั้นไหม?
    หรืองานฉลองทั้งหมด เป็นเพียงฉากหนึ่งสำหรับการถ่ายภาพที่ระลึก?
    มันเป็นพิธีกรรมสัญลักษณ์ประจำปีที่พิเศษกว่าปีอื่น
    หรือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ศตวรรษหน้า ด้วยความหวัง

100 ปี ที่แล้ว บรรดาย่า ยาย ทวด ที่เป็นแรงงานหญิงต่อสู้เพราะถูกกดขี่จนตรอก เป็นหรือตายมีค่าเท่ากัน จึงฮึดสู้ หวังว่าชีวิตแรงงานคงจะดีขึ้นในศตวรรษหน้า  วันนี้ เราร่วมรำลึกและฉลองพงศาวดารนั้น เรามองเห็นอะไรใน 10 ปีข้างหน้า?

สำหรับดิฉัน ในภาพแรก เห็นแต่ความมืดมน
เราทุกคนคลานออกมาจากครรภ์มารดา เมื่อตายแล้ว ก็คืนกลับสู่อ้อมกอดของพระแม่ธรณี
แต่ที่ๆ เรามา กับที่ๆ เราจะไป มันช่างดูไร้ศักดิ์ศรีเสียเหลือเกิน

ครรภ์มารดา เป็นอู่ชีวิตที่หล่อเลี้ยงพวกเราแต่ละคนตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อน  อุปกรณ์ที่ธรรมชาติมอบหมายให้เป็นสมบัติของสตรีเพศ  และพึงเป็นสิทธิ์ที่สตรีเพศจะบริหาร รักษา และใช้อุปกรณ์นี้   ทุกวันนี้ กลับถูกคุกคาม ย่ำยีอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การข่มขืน ค้ามนุษย์เพื่อการประเวณี จนถึงการอุ้มบุญ   มันไม่ใช่เป็นการประทุษร้ายแค่ปัจจเจก แต่เป็นการลบหลู่แหล่งฟูมฟักมนุษยชาติ ... จากตัวเรา จนถึงอนุชนต่อๆไป  และเมื่อเรากลับชาติมาเกิดเป็นคนในวัฏสงสารนี้อีก
พระแม่ธรณี ในยุคของเรา เต็มไปด้วยขยะ สารเคมี ของเสียจากโรงงาน และครัวเรือนเมือง ... รวมทั้งจากบ้านและที่ทำงานของเราเอง  เราบริโภคเกินอัตภาพของเราหรือเปล่า?  ในขณะเดียวกัน ป่าไม้ก็หดหาย กลายเป็นหย่อมเรือนที่เหมือนเตาอบติดแอร์  ผิวพื้นโลกปุปะด้วยรูเหมืองร้าง  ขยะไม่เพียงเป็นมลพิษเจือปนไปใน ดิน น้ำ อากาศ แต่รวมถึงเสียงดัง และภาพโฆษณาอุดจาดในที่สาธารณะเมืองนี่หรือ คือความเจริญที่บรรดาย่ายาย ทวด ที่ต่อสู้เมื่อ 100 ปีก่อนอยากเห็น?

เมื่อเราทำลายและทำร้ายครรภ์มารดาทั้งสองแห่งนี้ได้ ทำไมเราจะฆ่ากันเองไม่ได้?   หากเทียบอัตราการตายในสงครามโลกทั้งสองครั้ง กับสงครามการค้าเสรี...ความเจริญ...ที่กำลังเกิดขึ้น ตัวเลขคงน่าตกใจ

ถึงกระนั้น การฉลอง 100 ปี วันสตรีสากล โดยมีกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรีเป็นแกนนำครั้งนี้ ก็ได้ฉายอีกภาพให้เห็น ซึ่งอาจเป็นก้าวใหม่ที่มีความหวัง

  1. การโอบผู้หญิงทำงานทุกภาคส่วน ให้เข้ามาร่วมฉลองโดยเปิดพื้นที่ให้ ด้วยการเชิญเป็นวิทยากรขึ้นเวทีร่วมกันข้ามชนชั้น ข้ามสาขาอาชีพ ข้ามเพศและข้ามพรมแดน รวมทั้งมีผู้ชายร่วมในทุกระดับ แต่ผู้หญิงร่วมกันตัดสินใจขั้นสุดท้าย เพราะเป็นงานฉลองของผู้หญิง
  2. การจัดการกับวิกฤตและความขัดแย้ง ด้วยการใช้วิธีเจรจาต่อรอง เช่น กรณีคุณจิตรา  (ที่ชูป้ายและตะโกนด่านายกอภิสิทธิ์ ด้วยความเจ็บใจ เพื่อแย่งหน้าสื่อเอาความทุกข์ร้อนของตนเป็นเอก แต่ได้สร้างความเสียหายแก่ที่ประชุม และความอึดอัดใจแก่ทั้งเพื่อนแรงงาน คณะผู้จัด และความลำบากใจแก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) แทนที่จะใช้อำนาจบังคับขับไล่ให้ออกจากที่ประชุม ผู้รับผิดชอบแสดงความอดทน เจรจา ขัดตาทัพ ไม่ได้ ขืนใจ ให้เก็บป้าย  แม้ผลจะไม่พึงประสงค์ในระดับหนึ่ง แต่ในอีกระดับหนึ่ง ทำให้นายกฯ ได้พิสูจน์ความเป็น ผู้ใหญ่ และทำให้หลายคนเห็นใจนายกฯ มากยิ่งขึ้น  
  3. การปฏิสัมพัทธ์แบบ ร่วมคิด ร่วมทำ แม้จะดูเหมือนอ่อนแอในด้านการจัดการ การสื่อสาร  ขาดการติดตามหรือบริการอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวน แต่ก็มีการยื่นมือเข้าจัดการ ค้ำจุนตามกำลัง ในทุกๆ ช่องโหว่ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การแถลงข่าว เตรียมงาน จัดสถานที่ จนถึงการสิ้นสุดรอบแรกด้วยการเดินขบวนในวันที่ 8 มีนาคม  งานจึงลื่นไหลไปได้ด้วยดี เพราะมีคนไม่นิ่งดูดาย และยังเชื่อในเพลง หญิงกล้า
หัวใจของงานฉลอง 100 ปีนี้ ที่เข้มข้นในวันที่ 6-7-8 มีนาคม เป็นเสมือนการมาบรรจบของแม่น้ำสามสาย อันมีสายแรงงานเป็นหลัก เป็นวาระที่พบปะกับสายวรรณกรรม-ศิลปะ และสายการเมือง-การปกครอง  เป็นภาพของการผสมผสานของสายน้ำเป็นเกลียวที่มีพลัง กระแทกเป็นคลื่นอย่างสนุกสนาน รวมทั้งเกิดระลอกคลื่นกระทบฝั่ง...แสดงพลังและศักยภาพของหญิงไทย... ก่อนที่จะแยกกันไหลต่อไป 

การปฏิสัมพัมธ์ของกระบวนผู้หญิงเช่นนี้ เป็นเหมือนน้ำในมหาสมุทรที่มีพลวัตตลอดเวลา  ของเสียที่แข็งทื่อ ในที่สุดก็จะถูกตีแยกให้ขึ้นฝั่ง หรือติดกับกิ่งกอให้เน่าผุ กลายเป็นดินต่อไป

ตราบเท่าที่ขบวนผู้หญิงยังคิดและเคลื่อน ไม่ใช่น้ำเน่าที่ขังเฉยแฉะ พื้นที่เปิดนี้ ก็จะสามารถแยกแยะ ให้ของแข็งกลายเป็นดิน โคลนตม  บัวที่เกิดจากโคลนตม คือ ปัญญาที่เกิดจากความกล้าหาญที่จะโอบ และเผชิญหน้ากับ ความไม่มั่นคง / ความเปราะบาง อย่างมีสติ และไม่ใช้ความรุนแรง  นี่เป็นภาพบวก หรือพลังบวกของผู้หญิง ที่ดิฉันเห็นในการร่วมจัดงานฉลอง 100 ปี ครั้งนี้ แสดงออกผ่านตัวพี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมมือร่วมใจ ให้อภัย ให้กำลังใจ ยืดหยุ่น เสียสละ ตามกาล ตามวาระ เพื่อส่วนรวม ... หนทางเส้นนี้ ยังไม่สิ้นสุด มันเป็นเพียงก้าวแรกสู่การ ต่อสู้ ร่วมกันในประวัติศาสตร์หน้าใหม่  ต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

ตราบเท่าที่ พี่ๆ น้องๆ หญิงทำงานทั้งหลาย ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ กลั่นกรอง นิยาม ตั้งคำถาม แสวงหาคำตอบ จากในสู่นอก และทบทวนความสัมพันธ์ที่มีชีวิตจากนอกสู่ในทุกลมหายใจ   10 ปีข้างหน้า ก็ยังมีความหวัง  เราเลือกได้ว่าจะเป็นน้ำเน่านิ่ง หรือน้ำหลากที่มีชีวิต และหล่อเลี้ยงชีวิต

สตรี สร้างสรรค์ สันติ
ดรุณี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น